วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ศึกเดเอฟเบ โพคาล บาเยิร์น ไล่บุกแซง โบคุ่ม 2-1 แม้โดนนำก่อน



ศึกเดเอฟเบ โพคาล เยอรมัน รอบสอง เจ้าบ้าน โบคุ่ม ทีมจากลีกา สอง เยอรมัน เปิดรังรับมือ บาเยิร์น มิวนิค โดยเกมในรอบแรกนั้น โบคุ่ม บุกไปคว้าชัยเหนือ บอยนาทาล มาได้ 3-2 ขณะที่ “เสือใต้”  รอบแรกบุกไปเอาชนะ เอเนอร์กี้ ค็อตบุส 3-1
สนาม : โวโวเนีย รูห์รสตาดิโอน
เกมนี้ โธมัส ไรส์ เทรนเนอร์ของเจ้าถิ่นทัพ โบคุ่ม ฝากความหวังลุ้นประตูไว้ที่ ซิลเวเร่ จานวูล่า และไซม่อน โซลเลอร์ ส่วนทาง นิโก้ โควัช นายใหญ่ของทัพเสือใต้ พัก โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ บนม้านั่งสำรองแล้วส่ง คิงส์เล่ย์ โกมัน, แซร์ช นาบรี้ และ อิวาน เปริซิช เป็นสามแนวรุกไล่ล่าตาข่าย
ครึ่งแรก เจ้าถิ่นเริ่มต้นได้คึกคักเลย แค่นาทีแรกได้ทักทายจาก ไซม่อน โซลเลอร์ อัดด้วยขวาแต่บอลหลุดกรอบออกไป อีก 4 นาทีถัดมา ดานนี่ บลูม ลากตัดเข้ากลางแล้วกดด้วยซ้ายนอกกรอบบอลพุ่งไปเข้ามือของ นอยเออร์ และในนาที 15 อัลฟอนโซ่ เดวิส จ่ายตัดหลังให้ คิงส์เล่ย์ โกมัน หลุดเข้าไปทางซ้ายในกรอบก่อนลากตัดเข้าหน้าเขตโทษก่อนซัดด้วยขวาบอลเหินคานไปหวุดหวิด
เกมรุกของ “เสือใต้” เริ่มน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ นาทีถัดมา โตลิสโซ่ กดด้วยขวากลางประตูจน มานูเอล รีมันน์ นายด่านเจ้าถิ่นต้องปัดออกหลัง และถัดมาจากลูกคอนเนอร์  โยชัว คิมมิช เปิดบอลมาเข้าหัว อิวาน เปริซิช แต่บอลก็ยังไม่พ้นมือ รีมันน์ อีกรอบ นาที 36 กลายเป็นแฟนเจ้าถิ่นที่ได้เฮลั่นหลัง โบคุ่ม เป็นฝ่ายได้ประตูขึ้นนำ 1-0 บอลจาก มานูเอล รีมันน์ วางยาวมาให้ ดานนี่ บลูม โยกหลบแนวรับเสือใต้แล้วกึ่งยิงกึ่งผ่านไปหน้าประตู อัลฟอนโซ่ เดวิส พยายามสกัดบอลแต่เตะผิดเหลี่ยมกลายเป็นเปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเองไป
จบครึ่งแรก โบคุ่ม ขึ้นนำ บาเยิร์น มิวนิค 1-0
ครึ่งหลัง “เสือใต้” เปลี่ยนตัวส่ง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ลงมาเล่นแทน อีวาน เปริซิช ที่ไม่มีบทบาทในครึ่งแรกเลย นาที 54 คิงส์เล่ย์ โกมัน, ได้กดด้วยขวานอกกรอบแต่บอลยังไปติดบล็อคของแข้งเจ้าถิ่นอีก อีกสามนาทีต่อมา นิโก้ โควัช เปลี่ยนคนที่สองถอดเอา เลออน โกเรทซ์ค่า ออกแล้วส่ง ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ลงไปปั้นเกมรุกแทน นาที 69 คิงส์เล่ย์ โกมัน เปิดด้วยขวาเข้ากลางมาให้ เลวานดอฟสกี้ ขึ้นโขกเดี่ยวๆสะบัดบอลไปเสาไกลหลุดกรอบออกไปแบบได้เสียว
แต่แล้ว นาที 83 ความพยายามของเสือใต้มาประสบผลจนได้ โยชัว คิมมิช โยนไปเสาไกลถึง แซร์ช นาบรี้ หวดด้วยขวาเสียบเสาไกลอย่างเด็ดขาดให้ บาเยิร์น ไล่ตีเสมอเจ้าถิ่น 1-1นาที 88 โบคุ่ม ต้องเหลือผู้เล่นแค่ 10 คนหลัง อาร์เมล เบลล่า-คอตชาพ กองหลังดาวรุ่งเจตนาทำแฮนด์บอลทำให้ผู้ตัดสินไม่มีทางเลือกเดินมาแจกใบแดงไล่ออกสนาม ก่อนนาทีต่อมา แฟนพี่เสือจะเฮลั่นเมื่อมาได้ประตูชัยจากจังหวะที่ คิงส์เล่ย์ โกมัน ปาดเลียดไปเสาแรกให้ โธมัส มุลเลอร์ ตัวสำรองเบียดเข้าไปยิงด้วยขวาจ่อๆบอลลอดขาผ่าน มานูเอล รีมันน์ เข้าไป
จบเกม โบคุ่ม พ่ายให้ บาเยิร์น มิวนิค 1-2

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
โบคุ่ม (4-4-2) : มานูเอล รีมันน์ – สเตฟาโน่ เชลอซซี่, เซาโล เดคาร์ลี่, อาร์เมล เบลล่า-คอตชาพ (ใบแดง น.88), ดานิโล่ – อี ชง-ยอง (มานูเอล วินต์เซเมอร์ น.67), อ็องโตนี่ โลซิลล่า, ดานนี่ บลูม – ซิลเวเร่ จานวูล่า ,ไซม่อน โซลเลอร์ (จอร์ดี้ โอเซย์-ทูตู น.78)
เทรนเนอร์ : โธมัส ไรส์ 
บาเยิร์น มิวนิค (4-2-3-1):  มานูเอล นอยเออร์ – โยชัว คิมมิช, เบนฌาแม็ง ปาวาร์, เยโรม บัวเต็ง, อัลฟอนโซ่ เดวิส – โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ (โธมัส มุลเลอร์ น.65) – เลออน โกเรทซ์ค่า (ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ น.57), ติอาโก้ อัลกันตาร่า – คิงส์เล่ย์ โกมัน, แซร์ช นาบรี้, อิวาน เปริซิช (โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ น.46)
เทรนเนอร์ : นิโก้ โควัช


เลสเตอร์ จัดทัพทีมชุดเล็กถล่มขยี้ เบอร์ตัน 3-1


ลูกทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เทรนเนอร์ทัพ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ส่วนใหญ่เป็นสำรองบุกมาคว้าชัยเหนือ เบอร์ตัน อย่างสนุก 3-1 ตีตั๋วผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ในศึกคาราบาว คัพ เมื่อคืนวันอังคารที่ 29 ตุลาคม ที่ผ่านมา
สนาม : ปิเรลลี่ สเตเดี้ยม 
เบอร์ตัน ทีมจาก ลีก วัน รอบที่แล้วบดเอาชนะบอร์นมัธมา 2-0 เกมนี้เล่นในบ้านอีกครั้งพบกับ เลสเตอร์ ซิตี้ อีกหนึ่งทีมจากพรีเมียร์ชิพ โดยรอบ 32 ทีมที่ผ่านมาทัพจิ้งจอกสีน้ำเงินบุกไปถล่ม ลูตัน ทาวน์ มาขาดลอย 4-0
ไนเจล คลัฟ กุนซือของ เบอร์ตัน แนวรุกวาง นาธาน บรอดเฮด, เลียม บอยซ์ และโอลิเวอร์ ซาร์คิช ส่วนทาง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส พักตัวหลักถึง 9 รายในเกมที่บุกไปถล่ม เซาธ์แฮมป์ตัน 9-0 โดยเหลือเพียง ยูริ ตีเลอมันส์ และจอนนี่ อีแวนส์ ที่ได้ออกสตาร์ทตัวจริงในเกมนี้เท่านั้น โดยแนวรุกวาง เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ เป็นหน้าเป้า แล้วมี เดนนิส ปราต และเดมาไร เกรย์ คอยช่วยสนับสนุนอยู่ข้างหลัง
เปิดฉากมาครึ่งแรก แค่นาทีที่ 7 “จิ้งจอกสีน้ำเงิน” บุกมาชิงขึ้นนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ เดมาไร เกรย์ จ่ายทะลุช่องให้ ยูริ ตีเลอมันส์ หลุดเข้าไปปาดเลียดไปหน้าประตูให้ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ซัดด้วยซ้ายเข้าไป เลสเตอร์ บุกนำเจ้าถิ่น เบอร์ตัน 1-0
เจ้าถิ่นไม่กลัวโหมบุกเพื่อรุกเอาลูกตีเสมอ นาที 18 เลียม บอยซ์ ตีลังกาจะยิงแต่โดน จอนนี่ อีแวนส์ ตามมาบล็อคผู้ตัดสินไม่เป่าเป็นยกเท้าสูง ปล่อยให้เล่นต่อ บอลมาเข้าทาง สกอตต์ เฟรเซอร์ วอลเลย์ด้วยซ้ายเต็มแรงบอลพุ่งถากเสาแรกแบบได้ลุ้น ต่อด้วย นาที 20 ลูกทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มาหนีห่างเป็น 2-0 จนได้ บอลเริ่มจาก เดมาไร เกรย์ ที่วันนี้ลงมาลวงบอลตรงกลาง จ่ายทะลุช่องขึ้นทางขวาให้ เดนนิส ปราต หลุดเข้าไปปาดเลียดเข้ากลางมาให้  ยูริ ตีเลอมันส์ วิ่งมายิงด้วยขวาเสาแรกเข้าไป
เข้าสู่ครึ่งชั่วโมงแรก คราวนี้ เดมาไร เกรย์ ได้โอกาสหวดด้วยขวาบ้างหลังรับลูกจ่ายของ อิเฮียนาโช่ แต่บอลยังเหินคานออกหลังไป ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก นาธาน บรอดเฮด กดด้วยขวาไปติดเซฟของ แดนนี่ วอร์ด จังหวะถัดมา จอห์น โอทูล แนวรับตามซ้ำด้วยขวาแต่บอลก็หลุดกรอบออกไป
จบครึ่งแรก เบอร์ตัน ตามหลัง เลสเตอร์ ซิตี้ 0-2
ครึ่งหลัง นาที 52 ความพยายามของ เบอร์ตัน มาสำเร็จจนได้หลัง โอลิเวอร์ ซาร์คิช จับบอลแรกไม่ดีกลายเป็นส่งให้ เลียม บอยซ์ วิ่งมาอัดตูมเดียวส่งบอลไปติด แดนนี่ วอร์ด ก่อนปลิ้นเข้าประตูไปให้ เบอร์ตัน ไล่ตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-2 เข้าสู่หนึ่งชั่วโมงของการแข่งขัน “จิ้งจอก” หลังปล่อยให้เจ้าถิ่นโหมบุกคราวนี้เป็น มาร์ค อัลไบรท์ตัน ตะบันด้วยขวาไปติดเซฟ แม้จะตามไปซ้ำแต่บอลก็เหินออกไป
นาที 74 จิ้งจอกรอดตัวไปอีกครั้ง หลังคราวนี้ สกอตต์ เฟรเซอร์ ตามยิงจ่อๆด้วยซ้ายแต่บอลยังโดน แดนนี่ วอร์ด เหินปัดข้ามคานได้แบบหวุดหวิด ก่อนหมดเวลาแค่นาทีเดียว “จิ้งจอก” มาได้ประตูย้ำชัยจนได้จากจังหวะสวนกลับ เดมาไร เกรย์ กระชากหลุดถึงเส้นหลังก่อนจะหักมาให้ เจมส์ แมดดิสัน ตัวสำรองลงมาซัดด้วยขวาเข้าไปอย่างเด็ดขาด
จบเกม เลสเตอร์ ซิตี้ บุกมาเอาชนะ เบอร์ตัน อัลเบี้ยน 3-1

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม    
เบอร์ตัน อัลเบี้ยน (4-3-3) : คีแรน โอฮาร่า – จอห์น เบรฟอร์ด, จอห์น โอทูล, คีแรน วอลเลซ, รีซ ฮัทชินสัน (ลอยด์ ดายเออร์ น.46) – ไรอัน เอ็ดเวิร์ดส์ (โจ ซาบาร์ร่า น.88), สตีเฟ่น ควินน์, สกอตต์ เฟรเซอร์ – นาธาน บรอดเฮด, เลียม บอยซ์, โอลิเวอร์ ซาร์คิช (เดวิด เทมเพิลตัน น.88)
ผู้จัดการทีม : ไนเจล คลัฟ
เลสเตอร์ ซิตี้ (4-1-4-1) : แดนนี่ วอร์ด – เจมส์ จัสติน, เวส มอร์แกน, จอนนี่ อีแวนส์, คริสเตียน ฟุคส์ – ฮัมซ่า เชาดูรี่ (วิลเฟรด เอ็นดิดี้ น.88) – มาร์ค อัลไบรท์ตัน, เดนนิส ปราต (เจมส์ แมดดิสัน น.83), ยูริ ตีเลอมันส์, เดมาไร เกรย์ – เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ (ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ น.66)
ผู้จัดการทีม : เบรนแดน ร็อดเจอร์ส


โซลชา แสดงความเชื่อมั่น เชื่อ เฟร็ด สามารถลงเล่นแทน ปอล ป็อกบา ได้



โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมไฟแรงของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกโรงหนุนหลัง เฟร็ด กองกลางชาวบราซิเลียน จะสามารถทำหน้าที่ทดแทนการขาดหายไปของ ปอล ป็อกบา มิดฟิลด์แชมป์โลก ซึ่งยังอยู่ในช่วงพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ ซึ่ง ปอล ป็อกบา กองกลางทีมชาติฝรั่งเศส ไม่สามารถลงสนามช่วยทัพ "ปีศาจแดง" ได้เจนกระทั่งเดือนธันวาคม เนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็บข้อเท้าตั้งแต่เมื่อเดือนสิงหาคม โดย โซลชา ตัดสินใจส่ง เฟร็ด ทำหน้าที่แทน และเจ้าตัวก็ค่อยๆ โชว์ฟอร์มดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ได้รับโอกาสลงเล่นตัวจริง 4 จาก 5 เกมที่ผ่านมา โดย โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ออกมากล่าวว่า

"บางที เฟร็ด คงจะรับหน้าที่ในตำแหน่ง ปอล ในช่วงเวลานี้ เขาเป็นนักเตะชั้นยอดสำหรับเรา มันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดถึงใครที่ไม่สามารถอยู่ที่นี่เพื่อช่วยทีมได้ เพราะเขาคงไม่ได้ลงเล่น และช่วยเราได้จนกว่าจะฟิต"


สหพันธ์ฟุตบอลยุโร สั่งลงโทษ บัลแกเรีย ข้อหาที่แฟนบอลหยียดสีผิว



สหพันธ์ฟุตบอลยุโร (ยูฟ่า) แถลงการณ์ยืนยันว่าได้จัดการประกาศบทลงโทษ บัลแกเรีย จากกรณีที่แฟนบอลแสดงพฤติกรรมเหยียดผิวในช่วงระหว่างเกมที่แพ้ "สิงโตคำราม" อังกฤษ 0-6 ศึกยูโร 2020 รอบคัดเลือก กลุ่ม เอ เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ จากการกระทำดังกล่าวทำให้สหภาพฟุตบอลบัลแกเรีย โดน ยูฟ่า ตั้ง 4 ข้อหาหนักได้แก่  การแสดงพฤติกรรมเหยียดผิว รวมไปถึงการให้ถ้อยคำหยาบคาย และแสดงท่าทางที่เป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มนาซี,ขว้างปาสิ่งของ, การแทรกแซงขณะร้องเพลงชาติ และการรีเพลย์บนจอใหญ่ในสนาม

ล่าสุด ยูฟ่า ได้ประกาศบทลงโทษแล้วโดยสั่งให้ บัลแกเรีย ต้องลงเล่นในบ้านแบบปิดสนามไม่ให้แฟนบอลเข้าชม 2 เกม โดยจะเริ่มที่เกมพบ สาธารณรัฐเช็ก ซึ่งเป็นแมตช์สุดท้ายของพวกเขาในรอบคัดเลือก ยูโร 2020 กลุ่ม เอ นอกจากนี้ บัลแกเรีย ต้องโดนปรับเงินจำนวน 73,000 ปอนด์ (ราว 2.77 ล้านบาท) จากข้อหาแสดงพฤติกรรมเหยียดผิว และอีก 64,600 ปอนด์ (ราว 2.45 ล้านบาท) จากการขว้างปาสิ่งของเข้าไปในสนาม รวมทั้งโดนปรับอีก 8,600 ปอนด์ (ราว 326,800 บาท) จากการแทรกแซงขณะร้องเพลงชาติ


สาวก เดอะ กันเนอร์ส มีเสียว 2 สตาร์แข้งโหดส่อย้ายทีม



รายงารจาก เดอะ เทเลกราฟ สื่อชั้นนำเมืองผู้ดีอังกฤษ รายงานว่า อาร์เซน่อล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มีแนวโน้มที่จะเสีย ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง และ อเลซ็องดร์ ลากาแซ็ตต์ สองกองหน้ากำลังสำคัญ ถ้าหากฤดูกาลนี้ไม่สามารถคว้าสิทธิ์ลุยศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้าได้ ทั้งนี้ โอบาเมย็อง กับ ลากาแซ็ตต์ ถือเป็นสองกองหน้าที่มีผลงานคงเส้นคงวา โดยทั้งคู่ทำประตูให้ทีมรวมกัน 87 ลูก นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับทีม ซึ่งรายแรกย้ายมาจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เมื่อช่วงเดือนมกราคม ปี 2018 ส่วนรายหลังย้ายมาจาก โอลิมปิก ลียง ช่วงซัมเมอร์ปี 2017


แฟร้งค์ แลมพาร์ด ประทับใจทีม เริ่มมีการพัฒนากันมากขึ้น



แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีม เชลซี เผยว่า ตนรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมากกับพัฒนาการที่ไม่หยุดยั้งของทีม นับตั้งแต่เกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดเปิดฤดูกาลที่บุกไปแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยับเยิน 0-4 เมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคม โดยทั้งสองทีมจะฟาดแข้งกันอีกครั้งในศึก คาราบาว คัพ รอบสี่ เกมดังกล่าวที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ถือเป็นเกมอย่างเป็นทางการนัดแรกของ แลมพาร์ด ในฐานะกุนซือ "สิงห์บลูส์" ซึ่งถึงแม้ เชลซี ออกสตาร์ตฤดูกาลนี้ด้วยผลงานที่กระท่อนกระแท่น แต่พวกเขาก็ยกระดับฟอร์มขึ้นมาได้เรื่อยๆ จนคว้าชัยรวดใน 7 เกมหลังสุดรวมทุกรายการ โดย แฟร้งค์ แลมพาร์ด กล่าวว่า

"ไม่ใช่ผมไม่เอามันมาใส่ใจนะ วันนั้นพวกเขากดเราสี่ลูกในเกมที่จริงๆ แล้วเราเล่นกันได้ดี แต่เราก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ นั่นแหละคือสิ่งสำคัญ มันเป็นสิ่งที่เราต้องการ และถือเป็นเรื่องที่น่าประทับใจที่ได้เห็นสัญญาณที่ดี"


ทัพเรือใบสีฟ้า เล็งคว้า มิเกล โอยาร์ซาบัล ปีกความเร็วโซเซียดาด


รายงานจาก สกาย ด๊อยท์ชลันด์ สื่อดังเมืองเบียร์ รายงานว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรมหาเศรษฐีแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กำลังให้ความสนใจที่จะเซ็นสัญญาคว้าตัว มิเกล โอยาร์ซาบัล ปีกคนเก่งของ เรอัล โซเซียดาด สโมสรดังในศึก ลา ลีกา สเปน มาร่วมทีม โดยหวังให้เป็นตัวตายตัวแทนของ ลีรอย ซาเน่ ปีกจอมพลิ้วชาวเยอรมัน โดย กวาร์ดิโอล่า ได้ล็อกเป้าไปที่ โอยาร์ซาบัล หลังจากที่ตัวนักเตะโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในฤดูกาลนี้ โดยทำไปแล้ว 4 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ จากการลงเล่นเกมลีก 10 นัด ทั้งนี้ สตาร์ทีมชาติสเปนวัย 22 ปี มีค่าฉีกสัญญาอยู่ที่ 80 ล้านยูโร (ประมาณ 2,440 ล้านบาท)


ซีดาน ทาบถึง ราอูล กอนซาเลซ มีความเก๋าสามารถมาคุมทัพ ราชันชุดขาวได้



ซีเนดีน ซีดาน เฮดโค้ชเลือดเฟรนช์ของ เรอัล มาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่ในศึก ลา ลีกา สเปน เชื่อว่า ราอูล กอนซาเลซ อดีตเพื่อนร่วมทีม สามารถก้าวขึ้นมาเป็นกุนซือ "ราชันชุดขาว" ได้สักวันในอนาคต ซึ่งก่อนหน้านี้ ราอูล เคยเล่นด้วยกันสมัยค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด ช่วงระหว่างปี 2001-2006 ซึ่งในระหว่างนั้นช่วยทีมคว้าแชมป์ ลา ลีกา 1 สมัย, สแปนิช ซูเปอร์ คัพ 2 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 1 สมัย และ สโมสรโลก 1 สมัย โดย ซีเนดีน ซีดาน กล่าวว่า

 "ผมเคยเล่นเคียงข้างกับเขา และเขาถือเป็นบุคคลสำคัญสำหรับสโมสรที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ ผมมั่นใจเลยว่า สักวันหนึ่งเขาจะเป็นโค้ช เรอัล มาดริด"


อินเตอร์ ลุ้นแซงม้าลายรั้งจ่าฝูง จัดทัพเปิดศึกลุย เบรสชา


อินเตอร์ มิลาน ได้โอกาสทำคะแนนปาดหน้า ยูเวนตุส นั่งจ่าฝูง หากได้สามแต้ม เกมนี้ โรเมลู ลูกากู หัวหอกตัวหลักกำลังเชื่อมั่นบุกบ้าน เบรสชา ที่มี มาริโอ บาโลเตลลี่ เด็กเก่าทีมเยือน พร้อมทำแสบ ในการแข่งขันฟุตบอลกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี
ปรีวิวฟุตบอลกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี เบรสชา - อินเตอร์ มิลาน วันอังคารที่ 29 ตุลาคม 2562
เวลา : 03.00 น. ถ่ายทอดสด : บีอินส์ สปอร์ต
สนาม : มาริโอ ริกามอนติ
ยูเจนิโอ คอรินี่ กุนซือ เบรสชา เจอข่าวร้ายที่ ฌอน ชานเซลเลอร์ เจ็บมาจากเกมก่อน บวกกับ ดานิเอเล่ เดสเซน่า, แอร์เนสโต้ ตอร์เรกรอสซ่า, บรูโน่ มาร์เตลล่า, จานจาโคโม่ มันยานี่ และ ลูก้า เตรโมลาด้า ที่เดี้ยงอยู่ก่อนแล้ว
แผงหลัง ดานิเอเล่ กัสตัลเดลโล่ จึงได้รับโอกาสให้จับคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟกับ อันเดรีย ชิสตาน่า ที่เหลือไม่น่าปรับอะไรมากนัก ซานโดร โตนาลี่ ปักหลักกลางสนามกับ ดิมิทรี บิโซลี่ และ โรมูโล่ วาง นิโกลัส สปาเล็ค ทำหน้าที่เพลย์เมกเกอร์หลังคู่หัวหอก ฟลอเรียง อาเย่ และ มาริโอ บาโลเตลลี่ หรือยังมี อัลเฟรโด้ ดอนนารุมม่า เป็นตัวสอดแทรก
ขณะที่ อันโตนิโอ คอนเต้ เทรนเนอร์ อินเตอร์ มิลาน ต้องไร้ ดานิโล่ ดัมโบรซิโอ, อเล็กซิส ซานเชซ, สเตฟาโน่ เซนซี่, มาติอัส เวซิโน่ และ อันเดรีย ราน็อคเคีย ที่ยังไม่หายเจ็บ
การจัดทัพ จะเรียกตัวหลัก กลับมาด้วย หลังพักบางราย ไปเมื่อสุดสัปดาห์ สเตฟาน เดอ ฟราย หวนคืนตัวจริงแนวรับร่วมกับ ดีเอโก้ โกดิน และ มิลาน สคริเนียร์ มาร์เซโล่ โบรโซวิช รับผิดชอบตรงกลางกับ โรแบร์โต้ กายาร์ดินี่ และ นิโกโล่ บาเรลล่า วิงแบ็กขวาเป็น อันโตนิโอ คันเดรว่า ฝั่งซ้ายกลับมาใช้ ควัดโว่ อซาโมอาห์ กองหน้า โรเมลู ลูกากู จับคู่ล่าตาข่ายกับ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ
รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
เบรสชา (4-3-1-2) : เยสเซ่ โยโรเนน - สเตฟาโน่ ซาเบลลี่, อันเดรีย ชิสตาน่า, ดานิเอเล่ กัสตัลเดลโล่, อเลส มาเตยู - ดิมิทรี บิโซลี่, ซานโดร โตนาลี่, โรมูโล่ - นิโกลัส สปาเล็ค - ฟลอเรียง อาเย่, มาริโอ บาโลเตลลี่
อินเตอร์ มิลาน (3-5-2) : ซาเมียร์ ฮันดาโนวิช - ดีเอโก้ โกดิน, สเตฟาน เดอ ฟราย, มิลาน สคริเนียร์ - อันโตนิโอ คันเดรว่า, โรแบร์โต้ กายาร์ดินี่, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, นิโกโล่ บาเรลล่า, ควัดโว่ อซาโมอาห์ - โรเมลู ลูกากู, เลาตาโร่ มาร์ติเนซ


ศึกลา ลีกา บาร์ซ่า เปิดบ้านจัดทัพชุดใหญ่พบ บายาโดลิด



บาร์เซโลน่า รองจ่าฝูง ผลงานกำลังร้อนแรงแถมเกมนี้พร้อมส่ง เมสซี่, กรีซมันน์, ซัวเรซ ผนึกกำลังลุ้นทวงจ่าฝูง ทางด้าน เรอัล บายาโดลิด ฟอร์มฮอตไม่เบายึดอันดับ 8 ของตาราง
ปรีวิวฟุตบอลลา ลีกา สเปน บาร์เซโลน่า - เรอัล บายาโดลิด เวลา : 03.15 น. ถ่ายทอดสด : บีอินส์ สปอร์ต วันอังคารที่ 29 ตุลาคม 2562
สนาม : คัมป์ นู
บาร์เซโลน่า จะไม่มี อุสมาน เดมเบเล่ ปีกฝรั่งเศสที่ติดโทษแบนเป็นเกมที่สอง รวมถึงต้องรอเช็กความฟิตของ เซร์จี้ โรเบร์โต้ มิดฟิลด์กับ ซามูแอล อุมตีตี้ เซนเตอร์ฮาล์ฟที่มีอาการเจ็บหัวเข่า 
กระนั้น ก็ไม่มีปัญหา แต่อย่างใด เมื่อยังมีขุม กำลังรายอื่น ที่มีคุณภาพสูง พร้อมลงสนาม อยู่แล้ว แนวรับ เคราร์ด ปีเก้ จะยืนคู่ปราการหลัง ตัวกลาง ร่วมกับ เกลม็อง ล็องเล่ต์  แบ็กขวาใช้ เนลซอน เซเมโด้ เเบ็กซ้ายยังเป็น จอร์ดี้ อัลบา แม้ จูเนียร์ ฟีร์โป้ จะหายเจ็บ แล้วก็ตาม แดนกลางเป็นชุดใหญ่ เฟร็งกี้ เดอ ยอง, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ และ อาร์ตู เมโล่ ส่วนแนวรุก สามประสาน MSG เมสซี่, กรีซมันน์, หลุยส์ ซัวเรซ พร้อมลงเล่น  
เซร์คิโอ กอนซาเลซ เทรนเนอร์ เรอัล บายาโดลิด ไร้ปัญหา ในการจัดทัพ เกมนี้ และ น่าจะยึด 11 คนแรก ชุดเดิม ลงสนาม เกือบทั้งหมด แบ็กโฟร์ มี โมฮาเหม็ด ซาลิซู ยืนคู่ เซนเตอร์ กับ กีโก้ โอลิบาส แบ็กซ้าย นาโช่ มาร์ติเนซ แบ็กขวา ฆาบี โมยาโน่ 
แดนกลาง ฆัวกิน เฟร์นานเดซ จะลงทำหน้าที่ คุมเกม ร่วม มิเชล เอร์เรโร่ ต่อไป ด้านเกม ริมเส้น อันโตญิโต้ น่าจะเบียด ออสการ์ ปลาโน่ ลงยืนฝั่งขวา ส่วนซ้ายยังใช้งาน โตนี่ บีย่า คอยทะลุทะลวง คู่หน้าวาง เซร์จี้ กวาร์ดิโอล่า ลงล่าตาข่าย ร่วมกับ เอเนส อูนาล ส่วน ในรายของ เฟเด ซาน เอเมเตรีโอ ,ซานโดร รามิเรซ ฅรูเบน อัลการาซ,หลุยส์มี่ ซานเชซ และ ฆาบี ซานเชซ ยังมีอาการบาดเจ็บ ไม่พร้อมลงสนาม
รายชื่อ 11 นักเตะตามคาด
บาร์เซโลน่า (4-3-3) มาร์ค อังเดร แทร์ ชเตเก้น-เนลซอน เซเมโด้, เคราร์ด ปีเก้, เกลม็อง ล็องเล่ต์, จอร์ดี้ อัลบา-เฟร็งกี้ เดอ ยอง, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อาร์ตู เมโล่-ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ, อองตวน กรีซมันน์ 
เรอัล บายาโดลิด (4-4-2) จอร์ดี้ มาซิป-ฆาบี โมยาโน่(เปโดร ปอร์โร่), กีโก้ โอลิบาส, โมอาเหม็ด ซาลิซู, นาโช่ มาร์ติเนซ-อันโตญิโต้ (เปโดร ปอร์โร่), ฆัวกิน เฟร์นานเดซ, มิเชล เอร์เรโร่, โตนี่ บีย่า-เอเนส อูนาล, เซร์จี้ กวาร์ดิโอล่า


โรนัลโด้ เปิดใจได้ขับเคี่ยวกับ เมสซี่ ทำให้ฝีเท้าพัฒนาเก่งขึ้น


คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กองหน้าซูเปอร์สตาร์ชาวโปรตุกีส "ม้าลาย" ยูเวนตุส เปิดใจกับ "ฟร้องซ์ฟุตบอล" นิตยสารดังในฝรั่งเศส ว่าการได้เล่นฟุตบอลในลีกเดียวกับ ลิโอเนล เมสซี่ หัวหอกอัจฉริยะ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า เป็นแรงกระตุ้นสำคัญที่ทำให้ตนพัฒนาฝีเท้ามากยิ่งขึ้น โดยก่อนหน้านี้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ค้าแข้งอยู่กับ เรอัล มาดริด ตั้งแต่ฤดูกาล 2009 จนกระทั่งตัดสินใจอำลาถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว เมื่อปี 2018 เพื่อมาเล่นให้กับ ยูเว่ โดย โรนัลโด้ ยอมรับว่าการได้ปะทะฝีเท้ากับ เมสซี่ ในเกมลูกหนังประเทศสเปน ทำให้ตนเก่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า โดย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กล่าวว่า
"มีหลายคนเคยพูดว่าเรากระตุ้นกันและกัน ซึ่งการได้เล่นด้วยกันในสเปน ทำให้เราเก่งยิ่งขึ้น แน่นอนว่านั่นคือความจริง ผมรู้สึกถึงการมีเข้าตอนอยู่ในมาดริด มากกว่าในแมนเชสเตอร์ นี่คือคู่แข่งที่ดีต่อกัน เราเป็นสัญลักษณ์ของสโมสรเรา ผมคิดว่าเขาเพิ่งจะพูดเมื่อเร็วๆ นี้ว่าเขาคิดถึงผมในการแข่งขันในระดับนี้"


เรอัลมาดริด พร้อมปล่อย แกเร็ธ เบล พ้นทีมช่วงเดือนมกราคมนี้



รายงานจาก อาส สื่อกีฬาชั้นนำแดนกระทิงดุ รายงานว่า เรอัล มาดริด ยอดสโมสรลูกหนังในศึก ลา ลีกา สเปน กำลังพิจารณาที่จะขาย แกเร็ธ เบล ปีกความเร็วสูงชาวเวลส์ ในช่วงตลาดซื้อ-ขายนักเตะรอบสอง เดือนมกราคมปีหน้า ซึ่งทาง เบล ตัดสินใจแล้วที่จะอำลา เรอัล มาดริด หลังจบฤดูกาลนี้ แต่ ซีดาน ต้องการที่จะเห็นตัวนักเตะเก็บข้าวของย้ายออกไปเร็วขึ้น และถ้าเป็นไปได้ก็หวังที่จะทำให้สำเร็จในช่วงเดือนมกราคมนี้เลย ในฤดูกาลนี้ ซีดาน จำเป็นต้องฝืนใจใช้งาน เบล เนื่องจากทีมมีปัญหานักเตะบาดเจ็บหลายคน โดย อดีตแข้ง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ได้สตาร์ตเป็นตัวจริงในเกมลีก 6 นัด ทำได้ 2 ประตู กับ 2 แอสซิสต์ แต่ก็พักแข้งยาวมาตลอด นับตั้งแต่ได้รับบาดเจ็บมาจากการกลับไปรับใช้ทีมชาติครั้งล่าสุด


ปีศาจแดง เดินเครื่องออกล่าตัว มิลาน สคริเนียร์ จากทัพอินเตอร์



รายงานจาก ตุ๊ตโต้สปอร์ต สื่อกีฬาชั้นนำแดนมะกะโรนี รายงานว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมเปิดศึกกับ บาร์เซโลน่า ในการไล่ล่าตัว มิลาน สคริเนียร์ เซนเตอร์แบ็กจอมแกร่งของ อินเตอร์ มิลาน มาเสริมทัพช่วงซัมเมอร์ปีหน้า โดย แมนฯ ยูไนเต็ด จับตามอง สคริเนียร์ มานานร่วม 2 ปี และก็เคยยื่นข้อเสนอเงินจำนวน 54 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,106 ล้านบาท) ไปทาบทามขอซื้อจาก อินเตอร์ เมื่อช่วงต้นปีนี้


พฤติกรรมหัวร้อน ลงโทษแบน ฟร้องค์ ริเบรี่ 3 แมตช์ พร้อมปรับเงินหนึ่งก้อน



ฟร้องค์ ริเบรี่ ปีกประสบการณ์สูงของ ฟิออเรนติน่า โดนสั่งแบน 3 แมตช์ และปรับเงินอีก 20,000 ยูโร (ราว 700,000 บาท) จากเหตุการณ์ที่ผลักผู้กำกับเส้นแบบดุเดือด หลังจบเกม กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี นัดที่ต้นสังกัดของเขาแพ้ ลาซิโอ 1-2 คารัง อาร์เตมิโอ ฟรังคี่ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เกมนี้ ริเบรี่ ลงเล่นเป็นตัวจริงพร้อมกับเป็นคนผ่านบอลให้ เฟเดริโก เคียซ่า ยิงประตูในนาทีที่ 27 ก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 75 แต่หลังจากนั้น ลาซิโอ มาได้ประตูชัยนาทีที่ 89 จาก ชิโร่ อิมโมบิเล่ อย่างไรก็ตามในจังหวะดังกล่าวทัพ "ม่วงมหากาฬ" มองว่าพวกเขาน่าจะได้ฟาวล์ก่อน แต่กรรมการ มาร์โก จีน่า กลับปล่อยให้เล่นต่อ โดย ฟร้องค์ ริเบรี่ ออกมากล่าวขอโทษว่า
"ผมเสียใจจริงๆ สำหรับเรื่องเมื่อคืน (วันอาทิตย์) ผมขอโทษกับเพื่อนร่วมทีม, โค้ช และแฟนบอล ผมขอโทษมิสเตอร์ (มัตเตโอ) ปาสเซรี่ จากเหตุการณ์หลังจบเกมที่ผมแสดงอาการหัวร้อน และผิดหวังมากๆ"


เดยัน ลอฟเรน เผยคำพูดคล็อปป์ กระตุ้นหงส์พลิกสถานการณ์ เฉือนชนะสเปอร์ส



เดยัน ลอฟเรน เซนเตอร์แบ็ก "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดเผยวิ่งที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันพูดกระตุ้นลูกทีมในห้องแต่งตัวช่วงพักครึ่งจนทำให้พวกเขาฮึกเหิมและกลับมาไล่บดขยี้เอาชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-1 เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่สนามแอนฟิลด์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในนัดดังกล่าว ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มได้ดียิ่งกว่าเดิม และสุดท้ายก็ได้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (จุดโทษ) ที่ช่วยทำให้ทีมคว้า 3 คะแนนสำคัญได้สำเร็จ โดย ลอฟเรน เผยถึงสิ่งที่ คล็อปป์ พูดกับบรรดาลูกทีมว่า
"เราเข้าไปในห้องช่วงพักครึ่ง แล้วเจ้านายก็พูดว่า -ปกติผมไม่เคยพูดแบบนี้นะ แต่ผมดีใจแม้เราตามหลัง  0-1 แต่ว่าเราจำเป็นต้องทำเล่นแบบนี้ต่อไป และกล้าเล่น- เรารู้ว่าเรามีโอกาส และเราทำได้ มันเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ผมมีความสุขกับ เฮนโด้ เขาสมควรได้สิ่งนี้ และโดยเฉพาะการได้ 3 คะแนน"


เอคตอร์ เบเยริน โพสต์ข้อความขอความสามัคคีภายใน สโมสรอาร์เซน่อล



เอคตอร์ เบเยริน แบ็กขวาความเร็วสูงของ อาร์เซน่อล ออกมาร้องขอความสามัคคีภายในสโมสร หลังจากที่เกิดประเด็นร้อนระหว่าง กรานิต ชาคา กองกลางกัปตันทีม กับเหล่าสาวก "เดอะ กันเนอร์ส" ระหว่างเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดล่าสุดที่ "ไอ้ปืนใหญ่" ทำได้แค่เปิดรัง เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เสมอ คริสตัล พาเลซ 2-2 ประเด็นดราม่าดังกล่าวเกิดขึ้นในนาทีที่ 61 ซึ่ง ชาคา เอามือป้องหูเชื้อเชิญให้แฟนบอลโห่ใส่หนักขึ้น ระหว่างเดินออกจากสนาม หลังถูกเปลี่ยนตัวออก พร้อมทั้งถอดเสื้อออกและเดินมุ่งหน้าเข้าสู่อุโมงค์ทันที ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับแฟนบอลอย่างมาก ล่าสุด เบเยริน ได้พยายามสงบศึกทั้งสองฝ่ายผ่านสื่อโซเชียล พร้อมวอนแฟนบอล "ไอ้ปืนใหญ่" ให้พยายามเข้าใจความรู้สึก ณ เวลานั้นของ ชาคา ดาวเตะวัย 27 ปี ด้วย โดย เอคตอร์ เบเยริน กล่าวว่า
"เราทุกคนต่างเป็นมนุษย์กันทั้งนั้น เราต่างมีอารมณ์ และบางครั้งมันไม่ง่ายเลยที่จะรับมือกับเรื่องแบบนี้ มันเป็นเวลาที่เราต้องช่วยฉุดมือกันขึ้นมา ไม่ใช่เอาแต่ผลักไส่ไล่ส่งกัน เราจะชนะได้ก็ต่อเมื่อเราร่วมแรงร่วมใจกัน"


อัพเดท โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ฟื้นเข้าซ้อมกับเพื่อนๆ ได้ตามปกติ



โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กองหน้าคนสำคัญของ ลิเวอร์พูล ลงซ้อมได้ตามปกติ เมื่อวันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม ที่ผ่านมา แม้เพิ่งได้รับบาดเจ็บซ้ำตรงข้อเท้าซ้ายจากเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดล่าสุดที่ "หงส์แดง" เปิดรัง แอนฟิลด์ พิชิต ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม ซึ่งในนัดนี้ ซาลาห์ ซัดจุดโทษเป็นประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล ในเกมดังกล่าว ทว่าเจ้าตัวเกิดเจ็บซ้ำตรงข้อเท้าซ้าย จนถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามในนาทีที่ 85 ทำให้เป็นที่กังวลกันว่า สตาร์ทีมชาติอียิปต์วัย 27 ปี อาจจะต้องพักแข้งระยะหนึ่งอีกครั้ง ล่าสุด สโมสรลิเวอร์พูล ได้โพสต์ภาพ ซาลาห์ ลงซ้อมกับเพื่อนๆ ใน ทวิตเตอร์ ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับสาวก "เดอะ ค็อป" โดยเกมลีกนัดต่อไปของ "หงส์แดง" คือการบุกไปเยือน แอสตัน วิลล่า วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายนนี้


ศึกบิ๊กแมตช์ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ถล่มยับ มาร์กเซย 4-0 หนีห่างรั้งจ่าฝูง


ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ฟอร์มทีมสุดยอดหลังเปิดบ้านไล่ถล่ม โอลิมปิก มาร์กเซย ไปแบบขาดลอย 4-0 โดยสกอร์ทั้งสี่ลูกเกิดขึ้นในครึ่งเวลาแรกจาก เมาโร อีการ์ดี้ และคีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้  ที่เหมาคนละสองประตู พาทีมซิวสามแต้มพร้อมนำจ่าฝูงมี 27 คะแนน โดยหนี น็องต์ อันดับสองถึง 8 คะแนน ในศึกบิ๊กแมตช์ ลีก เอิง
สนาม : ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ 
ศึกฟุตบอล ลีก เอิง นัดที่ 11 ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ทีมจ่าฝูงคว้าชัยมาสามเกมติดต่อกัน ล่าสุดบุกไปถล่ม นีซ 4-1 เกมนี้รับมือโอลิมปิก มาร์กเซย ทีมอันดับ 7 ที่เกมล่าสุดเพิ่งเอาชนะ สตราส์บูร์ก 2-0 คว้าชัยนัดแรกในรอบ 5 เกม
ครึ่งแรก เริ่มเกมมาได้แค่ 10 นาที เจ้าบ้านชิงขึ้นนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว บอลจาก อังเคล ดิ มาเรีย โยกหลอกก่อนเปิดด้วยซ้ายไปเสาไกลให้ เมาโร อีการ์ดี้ เทกตัวโขกเต็มหัวแม้จะโดน สตีฟ ม็องด็องด้า เซฟไว้จังหวะแรกแต่จังหวะต่อมา อีการ์ดี้ ยังเร็วตามไปซ้ำไว้ได้ ให้ เปแอสเช ชิงขึ้นนำ 1-0 นาที 23 เจ้าถิ่นเกือบได้เม็ดที่สองตามมา หลัง มาร์โก แวร์รัตติ แย่งบอลได้ก่อนเลยมาถึง  คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ จ่ายไขว้ขาอย่างเหนือชั้นให้ เมาโร อีการ์ดี้ หลุดไปยิงด้วยซ้ายแต่บอลไปติดเซฟของ ม็องด็องด้า อย่างเหลือเชื่อ
และรอไม่นาน อีก 4 นาทีถัดมา เปแอสเช ขยับหนีออกไปเป็น 2-0 มาร์โก แวร์รัตติ ตักบอลข้ามหัวกองหลังไปให้ เมาโร อีการ์ดี้ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปโขกบอลผ่าน สตีฟ ม็องด็องด้า เป็นประตูที่สองของอดีตหอกอินเตอร์ มิลานในเกมนี้ เกมผ่านไปครึ่งชั่วโมง ปารีสฯ หนีไปไกล 3-0 และเป็น อังเคล ดิมาเรีย ที่วันนี้เล่นได้โดดเด่นผ่านออลเลียดไปเสาสองให้ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ยิงโล่งๆ เข้าไป ก่อนจบครึ่งแรกแค่นาทีเดียว ดิ มาเรีย ดีดบอลทะลุแนวรับให้ เอ็มบั๊ปเป้ กระชากหนีแนวรับมาร์กเซยก่อนจะกดด้วยขวาบอลพุ่งผ่านปลายนิ้วของ สตีฟ ม็องด็องด้า เข้าไป
จบครึ่งแรก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง หนี โอลิมปิก มาร์กเซย 4-0
ครึ่งหลัง นาที 70 เจ้าบ้านพลาดโอกาสได้ประตูที่ห้า หลังอีการ์ดี้ ผ่านบอลให้ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ดวลเดี่ยวกับ สตีฟ ม็องด็องด้า ก่อนอดีตหอกโมนาโกจะยิงหลุดกรอบออกไปเอง และเป็นแอ็คชั่นสุดท้ายของ เอ็มปั๊ปเป้ ก่อนจะโดนเปลี่ยนตัวออกโดยส่ง เอดินสัน คาวานี่ ลงมาเล่นแทน ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม
จบเกม ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เปิดบ้านไล่ถล่ม โอลิมปิก มาร์กเซย ยับเยิน 4-0 

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม 
ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เกย์ลอร์ นาวาส – โกแล็ง ดักบา (เลอันโดร ปาเรเดส น.61), ติอาโก้ ซิลวา (กัปตันทีม), เพรสแนล คิมเพมเบ้, ฆวน เบร์นาต – อันเดร์ เอร์เรร่า (ปาโบล ซาราเบีย น.79), มาร์กินญอส, มาร์โก แวร์รัตติ – อังเคล ดิ มาเรีย, เมาโร อีการ์ดี้, คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ (เอดินสัน คาวานี่ น.71)
โอลิมปิก มาร์กเซย สตีฟ ม็องด็องด้า (กัปตันทีม) – บูน่า ซาร์, ดูเย่ ชาเลต้า-ชาร์, บูบาการ์ กามาร่า, ฮิโรกิ ซากาอิ – วาล็องแต็ง รงชิเย่ร์, เควิน สตรอทมัน, มักซิม โลเปซ (จอร์แดน อมาวี่ น.46) – วาแลร์ แชร์กแมง (มอร์กกาน ซ็องซง น.82), ดาริโอ เบเนเด็ตโต้ (มาร์เลย์ อาเก้ น.80), ดิมิทรี ปาเยต